งาดำนั้นเป็นพืชที่ถูกใช้กันอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมายาวนานกว่า 5,000ปี แล้ว โดยแพทย์จีนที่ใช้ในเรื่องการรักษาสมานกระดูกและใช้เป็นอาหารในการบำรุงตับและไตได้เป็นอย่างดี ด้านการแพทย์ญี่ปุ่นก็มีการแนะนำให้รับประทานงาดำเพื่อช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและสมอง
งาดำนั้นถึงแม้เมล็ดจะเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ใหญ่เกินเมล็ดของมันมากมาย น้ำมันงาดำนั้นเป็นไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นไขมันชนิดดี (HDL) ที่ป้องกันการพอกติดของคอเลสเตอรอลกับผนังหลอดเลือดแดง งาดำนนั้นมีแคลเซียมอยู่ในปริมาณที่สูงมากซึ่งคนทั่วไปมักไม่ทราบกันว่างาดำนั้นมีปริมาณแคลเซียมสูงกว่านมวัวถึง 3 เท่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบในปริมาณที่เท่ากัน การที่เราได้รับแคลเซียมที่เพียงพอนั้นช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน ป้องกันโรคข้อเสื่อม และโรคข้ออักเสบได้อีกด้วย
ธาตุเหล็กที่มีอยู่ในน้ำมันงาดำนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเลือดของเรา หากร่างกายเรามีธาตุเหล็กอยู่น้อยเกิน จะส่งผลให้มีปริมาณเม็ดเลือดแดงน้อยลง เมื่อมีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยลงก็ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายไม่เป็นปกติ เพราะเม็ดเลือดแดงที่ไหลเวียนสูบฉีดในร่างกาย ช่วยให้เกิดกระบวนการของการนำออกซิเจนมาสำหรับใช้หมุนเวียนในร่างกายเรา ทำให้ระบบร่างกายโดยรวมทำงานได้ปกติ
ในเมล็ดงาดำเม็ดเล็กๆนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของเราอยู่มากมาย
ซึ่งทำให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างไม่ขาดสารอาหารเลยทีเดียว
สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาดำได้แก่
เซซามิน
สารสกัดงาดำ
การรับประทานวิตามินอีในรูปแบบอาหารเสริมนั้น ก็จะช่วยให้ร่างกายของเราสามารถต่อต้านความเสื่อมและชะลอความแก่ได้ ในน้ำมันงาดำนั้น มีวิตามินอีธรรมชาติในกลุ่ม โทโคฟีรอล (Tocopherol) และกลุ่มโทโคไตรอินอล (Tocotrienol) อยู่สูง สำหรับคนปกติทั่วไป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รับประทานวัน 400-600 IU แต่หากในกรณีที่ต้องใช้สำหรับรักษาผู้ป่วย แพทย์อาจจะให้รับประทานในปริมาณที่สูงขึ้นหลายเท่า ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทราบดีว่า การรับประทานวิตามินอีธรรมชาติ แบบที่มีอยู่ในน้ำมันงาดำนั้นไม่เป็นอันตรายหรือมีผลข้างเคียงใดๆ
ข้อดีของการรับประทานวิตามินอีที่มาในรูปแบบของน้ำมันงาดำสกัดเย็นซึ่งเป็นในรูปแบบธรรมชาตินั้นก็คือ จะทำให้เกิดการดูดซึมได้สูง และยังไปช่วยในการส่งเสริมให้วิตามินอีในรูปอื่นๆ ที่มีอยู่ในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย
นอกจากสรรพคุณที่เป็นเลิศในด้านต้านอนุมูลอิสระที่เหมือนยาอายุวัฒนะในการต่อต้านความเสื่อมหรือชะลอวัยแล้วนั้น วิตามินอียังมีประโยชน์ในการปกป้องและขับสารพิษ, ป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา, ช่วยบำรุงสมอง, ลดไขมันคอเลสตอรอล, ช่วยย่อยและควบคุมน้ำตาล, ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผม, ช่วยเร่งการซ่อมแซมผิวและปกป้องแสงแดดที่จะมาทำลายผิว, และยังลดโอกาสเกิดการข้นของเลือด ซึ่งทำให้ลดโอกาสในการเกิดโรคหัวใจนั่นเอง
สภาวะการเสื่อมของไขข้อและการอักเสบในร่างกายเรานั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
ในทางการแพทย์ เมื่อพูดถึงไขข้อเสื่อมนั้น จะหมายถึง
กระดูกอ่อนและน้ำหล่อเลี้ยงระหว่างข้อต่างๆ ในร่างกายเรา
ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวถึง 4
กรณีหลักที่ก่อให้เกิดการเสื่อมของไขข้อและการอักเสบในร่างกายไว้ ดังนี้
กรณีแรกก็คือการที่มวลของกระดูกอ่อนลดลง ซึ่งจะส่งผลให้กระดูกแข็ง 2 ข้อของเรากระทบกัน หรือทำให้มากดทับกัน ทำให้เราเกิดความเจ็บปวดขึ้น
กรณีที่ 2 ก็คือเกิดจากการที่น้ำหล่อเลี้ยงในข้อลดลง ซึ่งสภาวะนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่มวลกระดูกอ่อนลดลงก่อน น้ำหล่อเลี้ยงที่มีลักษณะใสและหนืดนี้ จะมีหน้าที่ป้องกันการเสียดสีระหว่างกระดูกแข็งและกระดูกอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้กระดูกอ่อนถูกทำลาย และก็ยังมีหน้าที่ลดแรงกระแทก เมื่อมีการลงน้ำหนักบนข้อต่างๆในร่างกายเรา
กรณีที่ 3 ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบและไขข้อเสื่อม ก็คือการที่น้ำหล่อเลี้ยงรั่ว ซึ่งกรณีนี้ มักเกิดจากการที่เราประสบอุบัติเหตุ ที่ทำให้กระดูกอ่อนเกิดรอยแตก หรือถุงหุ้มน้ำหล่อเลี้ยงแตก หากกรณีนี้เกิดขึ้นกับเรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นความเจ็บป่วยที่เรื้อรัง
สำหรับกรณีสุดท้ายที่ทำให้เกิดสภาวะการเสื่อมของไขข้อ และการอักเสบได้ก็คือเกิดการกัดกินของกรด ซึ่งมักจะเกิดจากการที่ร่างกายเรานั้นขาดความสมดุลของสารอาหารหรือสารเคมี ที่มีสาเหตุหลักๆอยู่ 3 ประการก็คือ เรื่องของการบริโภค, เรื่องพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นสูบบุหรี่และดื่มเหล้า และเรื่องของระบบการทำงานของอวัยวะภายในผิดปกติ สาเหตุเหล่านี้ก่อให้เกิดสภาวะโรคไขข้อเสื่อม และการอักเสบขึ้น ซึ่งโรคที่เราพบเห็นได้บ่อยๆก็คือ โรคไขข้ออักเสบหรือที่รู้จักกันในชื่อสั้นๆว่า โรคเกาต์ (Arthritis) นั่นเอง
แน่นอนว่า การเสื่อมของไขข้อก็ย่อมทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งย่อมทำให้เกิดความเจ็บปวดตามมา แต่ในบางกรณีการอักเสบก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสื่อมของไขข้อได้เช่นกัน แต่ทว่า การอักเสบที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการอักเสบที่ยังไม่แสดงอาการให้เห็น ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่พบได้ว่า อาการอักเสบนี้ถูกละเลย จนเกิดกลายเป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมของไขข้อขึ้น
ปัจจุบันนี้ มีผลงานวิจัยทั่วโลกมากมายที่ทำการค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับน้ำมันงาดำ ซึ่งได้มีการกล่าวถึง และยกย่องน้ำมันงาดำว่า เป็นหนึ่งในสารอาหารเสริมที่มีสรรพคุณดีในด้านเกี่ยวกับโรคกระดูก ซึ่งก็คือมีสารต้านโรคกระดูกอักเสบ (Anti-osteoarthritis) และสารต้านโรคกระดูกเสื่อม (Anti-osteoporosis)
แพทย์แผนจีนและนักธรรมชาติบำบัดนิยมใช้งาดำในการช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้น เพราะงาดำนั้น มีสรรพคุณในการช่วยเข้าไปเพิ่มมวลกระดูกอ่อนและน้ำหล่อเลี้ยงระหว่างข้อต่อในร่างกาย นอกจากนี้ น้ำมันงาดำซึ่งทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นไขมันชนิดดี ที่ร่างกายสามารถนำไปสร้างคอเลสตอรอลแบบดีได้ ซึ่งคอเลสตอรอลแบบดีนี้ ก็จะถูกปรับแปลงสภาพไป เพื่อใช้สำหรับการสร้างกระดูกอ่อน และสร้างน้ำหล่อเลี้ยงให้เกิดขึ้นใหม่ต่อร่างกายเรา
การบริโภคน้ำมันงาดำและสารที่จำเป็นอื่นๆนั้นดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายเรา สิ่งดีๆ เหล่านี้ ที่ได้เรา
บริโภคไป
จะช่วยเสริมให้ร่างกายไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะของโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบได้
ในทางกลับกัน สำหรับผู้ที่อยู่ในสภาวะโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบแล้วนั้น
การบริโภคน้ำมันงาดำในปริมาณที่เหมาะสม
พร้อมกับการที่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างเพียงพอในชีวิตประจำวัน
สิ่งเหล่านี้ จะช่วยลดอาการโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งทำให้ลดความเจ็บปวดได้ดีขึ้นด้วย
ปัจจุบันนี้มีการศึกษาวิจัยในเรื่องของงาดำที่เป็นกระแสที่มาแรงก็คือ ผลการวิจัยเกี่ยวกับการป้องกันมะเร็ง และประสิทธิภาพในการชะลอและหยุดการแพร่ของเชื้อมะเร็ง ซึ่งก็เป็นความหวังอีกอย่างหนึ่งให้แก่ผู้ป่วยเหล่านี้ หากเราต้องการที่จะรับประทานงาดำเป็นอาหารเสริมนั้น หลักง่ายๆที่ควรทราบและจำให้ดีคือ ควรจะรับประทานน้ำมันงาดำที่อยู่รูปของน้ำมันเย็นสกัดด้วยความดันสูง และถ้าให้ดี ก็ควรบรรจุในแคปซูลซึ่งสามารถป้องกันแสงและอากาศไม่ให้ทำปฏิกิริยากับน้ำมัน เพราะสารที่มีในงาดำเหล่านี้มีสภาพคงตัวและละลายได้ดีในรูปของน้ำมัน การสกัดน้ำมันงาดำเพื่อนำไปใช้เป็นอาหารเสริมในรูปแบบที่ไม่เป็นธรรมชาตินั้นขัดกับหลักชีวะโมเลกุล อาจทำให้ได้สารที่ต้องทำงานด้วยกันไม่ครบถ้วน ดังนั้น การรับประทานงาดำให้ได้ประโยชน์นั้นจึงควรเป็นแบบน้ำมันงาดำสกัดเย็น หรือว่าในรูปเมล็ดงาบดละเอียดเท่านั้น ที่จะทำให้เราได้รับประโยชน์ทางด้านสุขภาพสูงสุดจากการบริโภคงาดำ
เซซาแม็กซ์ น้ำมันงาดำ
อย.19-1-26946-1-0004
ขนาดบรรจุ 60 แคปซูล
ราคา 1,500 บาท
สั่งซื้อโทร. 084-4696869
งาดำนั้นถึงแม้เมล็ดจะเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ใหญ่เกินเมล็ดของมันมากมาย น้ำมันงาดำนั้นเป็นไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นไขมันชนิดดี (HDL) ที่ป้องกันการพอกติดของคอเลสเตอรอลกับผนังหลอดเลือดแดง งาดำนนั้นมีแคลเซียมอยู่ในปริมาณที่สูงมากซึ่งคนทั่วไปมักไม่ทราบกันว่างาดำนั้นมีปริมาณแคลเซียมสูงกว่านมวัวถึง 3 เท่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบในปริมาณที่เท่ากัน การที่เราได้รับแคลเซียมที่เพียงพอนั้นช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน ป้องกันโรคข้อเสื่อม และโรคข้ออักเสบได้อีกด้วย
ธาตุเหล็กที่มีอยู่ในน้ำมันงาดำนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเลือดของเรา หากร่างกายเรามีธาตุเหล็กอยู่น้อยเกิน จะส่งผลให้มีปริมาณเม็ดเลือดแดงน้อยลง เมื่อมีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยลงก็ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายไม่เป็นปกติ เพราะเม็ดเลือดแดงที่ไหลเวียนสูบฉีดในร่างกาย ช่วยให้เกิดกระบวนการของการนำออกซิเจนมาสำหรับใช้หมุนเวียนในร่างกายเรา ทำให้ระบบร่างกายโดยรวมทำงานได้ปกติ
งาดำนั้นมีวิตามินบีรวมอยู่สูง
ซึ่งจะช่วยในเรื่องบำรุงสมองและปกป้องระบบประสาท ช่วยชะลอความเสื่อมของอวัยวะ
ช่วยให้ทำงานได้อย่างปกติ นอกจากนี้ น้ำมันงาดำยังมีวิตามินอีสูงด้วย
ซึ่งจะช่วยเรื่องระบบฮอร์โมนและในเรื่องการบำรุงผิวพรรณและเส้นผม
ทำให้เราดูอ่อนเยาว์สมวัย
- งาดำนั้นมีโปรตีนอยู่สูง มีประกอบอยู่ถึง 16 เปอร์เซ็นต์ของสารอาหารองค์รวม และตัวโปรตีนในงาดำนั้นก็ย่อยง่ายและถูกแปลงเป็นรูปกรดอะมิโนที่ร่างกายเราสามารถนำไปใช้ได้ดีอย่างครบถ้วน
- มีกากใยสูง ซึ่งจำเป็นในการส่งเสริมการขับถ่ายและขจัดสารพิษ การรับประทานอาหารกากใยสูงเป็นประจำยังส่งเสริมการย่อยและป้องกันโรคที่เกิดจากสารพิษ หรือมีของเสียตกค้าง เช่น มะเร็งลำไส้ ได้ด้วย
- คาร์โบไฮเดรตชนิดดี ซึ่งการที่ได้รับประทานคาร์โบไฮเดรตชนิดดีเข้าสู่ร่างกายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลเพื่อเป็นพลังงานให้แก่ร่างกายเราจากการย่อยคาร์โบไฮเดรตนั้น ถ้าการย่อยเป็นน้ำตาลเร็วเกินไป ตับอ่อนจะทำงานหนัก และสารอินซูลิน (ฮอร์โมนที่ควบคุมน้ำตาล) จะทำให้ระบบอื่นๆ รวน โดยเฉพาะหลั่งมากผิดปกติ
- วิตามิน Bรวมสูง โดยเฉพาะวิตามิน B6 ดังที่ทราบทั่วไปว่า วิตามิน B เป็นกลุ่มสารอาหารที่บำรุงและปกป้องสมองและรวมถึงระบบประสาทที่ ทำให้ทำงานได้อย่างปกติ และช่วยชะลอความเสื่อมของระบบด้วย
- สารอาหารโอเมก้า ในน้ำมันทุกชนิดล้วนมีสารโอเมก้า ไม่ว่าจากพืชหรือสัตว์ แต่ความสมดุลของโอเมก้านั้นจะมีไม่เท่ากัน น้ำมันงาดำมีความสมดุลของโอเมก้า 3, 6 และ9 ที่เป็นประโยชน์กับระบบสมองและหัวใจของเราอยู่สูง และยังช่วยส่งเสริมการเพิ่มไขมันตัวดีให้กับร่างกายของเราอีกด้วย
- สารอาหารจำเป็นอื่นๆ ที่มีในงาดำ คือแคลเซียม, ฟอสฟอรัส, แมงกานีส, เหล็ก, ทองแดง, แมกนีเซียม, ซิ้งค์, และไทรนิน
- เป็นแหล่งสำคัญของทริปโทแพน ที่พวกเรารู้จักดีในนามว่า วิตามิน E นั่นเอง ซึ่งมีส่วนช่วยในระบบฮอร์โมน, บำรุงผมและผิวของเราให้อ่อนเยาว์นุ่มนวลอยู่เสมอ, ปกป้องและช่วยขับสารพิษ, ป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวกับตา และลดโอกาสการข้นของเลือด ซึ่งลดโอกาสเกิดโรคหัวใจด้วย
- มีสารเฉพาะตัว 3 ชนิดที่สำคัญและเป็นประโยชน์สูงกับร่างกายเรา คือ สารเซซามีน (Sesamin), สารเซซาโมลิน (Sesamolin หรือ D-Sesami) และ สารซาเซมอล (Sasemol) สารที่มีประโยชน์ทั้ง 3 ตัวนี้มีคุณสมบัติทางด้านการแพทย์เป็นอย่างสูง ซึ่งจะหาได้ในเฉพาะงาดำเท่านั้น ไม่สามารถหาได้ในแหล่งอื่นๆ สารทั้ง 3 ตัวนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างดีมาก ซึ่งมากกว่าสารอื่นๆ หลายเท่า และยังช่วยในการป้องกันและส่งเสริมอวัยวะภายในโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหัวใจ, สมอง, ปอด, ตับ, และไตของเรา แถมยังดีต่อผิวพรรณและเส้นผมอีกด้วย
โรคความดันสูงสามารถควบคุมได้ด้วยการบริโภคน้ำมันงาดำ
หนึ่งโรคยอดนิยมตลอดกาลที่ไม่มีใครพึงปรารถนานั้นก็คือโรคความดันโลหิตสูง
สำหรับผู้ที่ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงนั้น
ส่วนใหญ่แล้วจะต้องรับประทานยาลดความดันจากแพทย์แผนปัจจุบันเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
แต่ปัจจุบันนี้
มีการวิจัยที่ค้นพบแล้วว่า
น้ำมันงาดำสกัดเย็นนั้นมีสารอาหารและแร่ธาตุประกอบสำคัญเด่นๆ 5
ชนิดที่มีประโยชน์มากในการช่วยรักษาและควบคุมโรคความดันโลหิตสูงให้อยู่ในสภาวะปกติได้
ซึ่งก็คือโอเมก้า 3-6-9, แมกนีเซียมและสังกะสี,
สารเซซามิน,
วิตามินอีและไขมันชนิดดี
(HDL)
โอเมก้า
3-6-9 ในน้ำมันงาดำนั้นจะช่วยดูแล
ปกป้องหัวใจของเรา ช่วยซ่อมแซมเส้นเลือดที่สึกหรอให้ทำงานได้อย่างปกติ
ส่วนแมกนีเซียมและสังกะสีนั้น
จะมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตและยังช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติด้วย
สำหรับสารเซซามินที่พบเฉพาะแต่ในงาดำนั้น
มีสรรพคุณเด่นในการช่วยบำรุงหัวใจและไต
ส่งเสริมระบบสูบฉีดเลือดให้ดำเนินไปอย่างปกติ
ส่วนวิตามินอีที่อยู่ในน้ำมันงาดำสกัดเย็น จะช่วยเข้าไปล้างชำระหลอดเลือดให้สะอาด
ลดการอุดตันในเส้นเลือดและช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว และตัวไขมันชนิดดี (HDL)
นั้น
จะเข้าไปช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือดของเรา ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือดและหัวใจ
การรับประทานน้ำมันงาดำสกัดเย็นซึ่งเป็นอาหารเสริมจากธรรมชาตินั้น
สามารถช่วยควบคุมและรักษาโรคความดันโลหิตสูงได้
ซึ่งการรับประทานน้ำมันงาดำอย่างสม่ำเสมอพร้อมอาหารที่ครบหมู่
จะช่วยให้หลอดเลือดเราสะอาด มีความยืดหยุ่น
จะส่งผลให้การทำงานของระบบเส้นเลือดและหัวใจทำงานได้ดีเป็นปกติ
ซึ่งในที่สุดสภาวะความดันโลหิตสูงจะค่อยๆปรับลดลง
และจะสามารถปรับมาอยู่ในระดับคงตัวในสภาวะที่ เหมาะสมได้
น้ำมันงาดำกับมะเร็ง
สำหรับตัวงาดำนั้น ได้มีงานวิจัยที่เกี่ยวกับการนำมาใช้เพื่อบำบัด รักษา
และยับยั้งเชื้อมะเร็ง โดยกล่าวถึงตัวสารเซซามอล (Sesamol) และดี-เซซามิน
ที่เป็นตัวสารต้านอนุมูลอิสระเฉพาะตัวที่ีมีในงาดำเท่านั้น
จากการศึกษาวิจัยทั้งในฝั่งโซนเอเชียบ้านเรา รวมถึงฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกาพบว่า ตัวสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในงาดำนี้มีผลทำให้เชื้อมะเร็งนั้นเจริญเติบโตได้ช้า อีกทั้งยังไปช่วยตัดเส้นทางในการลำเลียงอาหารเข้าไปสู่เซลล์มะเร็ง โดยมีการวิจัยโดยใช้หนูทดลองนั้น
มีผลลัพธ์ที่ดีที่สารต้านอนุมูลอิสระนี้สามารถต่อต้านและมีประสิทธิภาพถึงขั้นรักษามะเร็งได้หลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งรังไข่
ดังที่่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น การที่เราได้บริโภคสารต้านอนุมูลอิสระที่กล่าวนี้เป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน จะส่งผลดีให้ร่างกายเราในการป้องกันการอักเสบเรื้อรังในอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย ซึ่งอาจนำมาสู่สาเหตุในการเกิดเชื้อมะเร็งได้ทีหลัง ซึ่งโดยรวมก็คือการป้องกันการเกิดมะเร็งต่างๆ
สารอื่นๆที่มีในงาดำนั้น ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายต่อร่างกายเรา ในการช่วยเสริมสร้างเซลล์ต่างๆให้ทำงานอย่างปกติ, ช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี (คอเลสเตอรอล), ช่วยลดการพอกชั้นของไขมัน ฯลฯ
จากการศึกษาวิจัยทั้งในฝั่งโซนเอเชียบ้านเรา รวมถึงฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกาพบว่า ตัวสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในงาดำนี้มีผลทำให้เชื้อมะเร็งนั้นเจริญเติบโตได้ช้า อีกทั้งยังไปช่วยตัดเส้นทางในการลำเลียงอาหารเข้าไปสู่เซลล์มะเร็ง โดยมีการวิจัยโดยใช้หนูทดลองนั้น
มีผลลัพธ์ที่ดีที่สารต้านอนุมูลอิสระนี้สามารถต่อต้านและมีประสิทธิภาพถึงขั้นรักษามะเร็งได้หลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งรังไข่
ดังที่่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น การที่เราได้บริโภคสารต้านอนุมูลอิสระที่กล่าวนี้เป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน จะส่งผลดีให้ร่างกายเราในการป้องกันการอักเสบเรื้อรังในอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย ซึ่งอาจนำมาสู่สาเหตุในการเกิดเชื้อมะเร็งได้ทีหลัง ซึ่งโดยรวมก็คือการป้องกันการเกิดมะเร็งต่างๆ
สารอื่นๆที่มีในงาดำนั้น ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายต่อร่างกายเรา ในการช่วยเสริมสร้างเซลล์ต่างๆให้ทำงานอย่างปกติ, ช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี (คอเลสเตอรอล), ช่วยลดการพอกชั้นของไขมัน ฯลฯ
สรรพคุณและประโยชน์ของงาดำ
คุณประโยชน์หลากประการของน้ำมันงาดำ
(Benefits of Cold Pressed Black Sesame Oil)- ลดอาการของโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบ (Anti Arthritis)
- วิตามินอีสูง ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (High in Vitamin E)
- เสริมสร้างกระดูก (Rebuild and Maintain Bone Health)
- มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง (High in Good Fat to improve to HDL Level)
- บำรุงและขับพิษตับและไต (Nourish and Detoxify Liver and Kidneys)
- ช่วยลดความดัน(Anti Hypertensions)
- ลดอาการภูมิแพ้ (Anti Allergy)
- ป้องกันเซลล์ลและดีเอ็นเอจาการทำลายและเสื่อมโทรม (Protect Cells and DNA from Damaging)
- ต่อต้านและยับยั้งเชั้อมะเร็ง (Anti Cancer)
- ล้างหลอดเลือด ลดความดันโลหิต บำรุงหัวใจ (Clean Cardiovascular System to Imporve Blood Pressure and Nourish the Heart)
- ช่วยป้องกันและรักษาเบาหวาน (Prevent and Treat Diabetes Mellitus)
- บำรุงสมอง(Nourish and Booth Brain Functions)
- เพิ่มภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัด (Booth Immunity to Influenza)
- ลดอาการปวดท้องประจำเดือน( Pre Menopausal Pain Disorder)
- ลดน้ำหนักด้วยการกินไขมัน(Weight Control)
- เพิ่มสมรรถภาพทางเพศและบดปัญหาการมีบุตรยาก (Treat Impotent and Infertility)
- การเพิ่มความสูงในวัยเด็ก (Increase Height in Teenagers)
- เสริมแรง แก้อ่อนล้า (Treat Chronic Fatique Syndrome)
- ลดอาการหมักหมมในช่องท้องและสำไส้ (Reduce Osbtruction of Toxin in Digestive Organs)
- ลดอาการตะคริวกล้ามเนื้อ (Anti Muscle Spasm)
- บำรุงผิวพรรณและเส้นผม(Nourish Skin and Hair)
กินน้ำมันงาดำ ได้วิตามินอีสูง ช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านความเสื่อม
วิตามินอี เป็นสารที่เราควรได้รับเข้าสู่ร่างกายทุกวัน เพราะวิตามินอีมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่รักการบำรุงผิวพรรณ, เส้นผม อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ วิตามินอียังช่วยให้หลอดเลือดของเรามีการยืดหยุ่นที่ดี และก็ยังดีต่อหัวใจเราอีกด้วยการรับประทานวิตามินอีในรูปแบบอาหารเสริมนั้น ก็จะช่วยให้ร่างกายของเราสามารถต่อต้านความเสื่อมและชะลอความแก่ได้ ในน้ำมันงาดำนั้น มีวิตามินอีธรรมชาติในกลุ่ม โทโคฟีรอล (Tocopherol) และกลุ่มโทโคไตรอินอล (Tocotrienol) อยู่สูง สำหรับคนปกติทั่วไป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รับประทานวัน 400-600 IU แต่หากในกรณีที่ต้องใช้สำหรับรักษาผู้ป่วย แพทย์อาจจะให้รับประทานในปริมาณที่สูงขึ้นหลายเท่า ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทราบดีว่า การรับประทานวิตามินอีธรรมชาติ แบบที่มีอยู่ในน้ำมันงาดำนั้นไม่เป็นอันตรายหรือมีผลข้างเคียงใดๆ
ข้อดีของการรับประทานวิตามินอีที่มาในรูปแบบของน้ำมันงาดำสกัดเย็นซึ่งเป็นในรูปแบบธรรมชาตินั้นก็คือ จะทำให้เกิดการดูดซึมได้สูง และยังไปช่วยในการส่งเสริมให้วิตามินอีในรูปอื่นๆ ที่มีอยู่ในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย
นอกจากสรรพคุณที่เป็นเลิศในด้านต้านอนุมูลอิสระที่เหมือนยาอายุวัฒนะในการต่อต้านความเสื่อมหรือชะลอวัยแล้วนั้น วิตามินอียังมีประโยชน์ในการปกป้องและขับสารพิษ, ป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา, ช่วยบำรุงสมอง, ลดไขมันคอเลสตอรอล, ช่วยย่อยและควบคุมน้ำตาล, ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผม, ช่วยเร่งการซ่อมแซมผิวและปกป้องแสงแดดที่จะมาทำลายผิว, และยังลดโอกาสเกิดการข้นของเลือด ซึ่งทำให้ลดโอกาสในการเกิดโรคหัวใจนั่นเอง
กินน้ำมันงาดำช่วยลดอาการโรคไขข้อเสื่อมและอักเสบได้อย่างไร
กรณีแรกก็คือการที่มวลของกระดูกอ่อนลดลง ซึ่งจะส่งผลให้กระดูกแข็ง 2 ข้อของเรากระทบกัน หรือทำให้มากดทับกัน ทำให้เราเกิดความเจ็บปวดขึ้น
กรณีที่ 2 ก็คือเกิดจากการที่น้ำหล่อเลี้ยงในข้อลดลง ซึ่งสภาวะนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่มวลกระดูกอ่อนลดลงก่อน น้ำหล่อเลี้ยงที่มีลักษณะใสและหนืดนี้ จะมีหน้าที่ป้องกันการเสียดสีระหว่างกระดูกแข็งและกระดูกอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้กระดูกอ่อนถูกทำลาย และก็ยังมีหน้าที่ลดแรงกระแทก เมื่อมีการลงน้ำหนักบนข้อต่างๆในร่างกายเรา
กรณีที่ 3 ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบและไขข้อเสื่อม ก็คือการที่น้ำหล่อเลี้ยงรั่ว ซึ่งกรณีนี้ มักเกิดจากการที่เราประสบอุบัติเหตุ ที่ทำให้กระดูกอ่อนเกิดรอยแตก หรือถุงหุ้มน้ำหล่อเลี้ยงแตก หากกรณีนี้เกิดขึ้นกับเรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นความเจ็บป่วยที่เรื้อรัง
สำหรับกรณีสุดท้ายที่ทำให้เกิดสภาวะการเสื่อมของไขข้อ และการอักเสบได้ก็คือเกิดการกัดกินของกรด ซึ่งมักจะเกิดจากการที่ร่างกายเรานั้นขาดความสมดุลของสารอาหารหรือสารเคมี ที่มีสาเหตุหลักๆอยู่ 3 ประการก็คือ เรื่องของการบริโภค, เรื่องพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นสูบบุหรี่และดื่มเหล้า และเรื่องของระบบการทำงานของอวัยวะภายในผิดปกติ สาเหตุเหล่านี้ก่อให้เกิดสภาวะโรคไขข้อเสื่อม และการอักเสบขึ้น ซึ่งโรคที่เราพบเห็นได้บ่อยๆก็คือ โรคไขข้ออักเสบหรือที่รู้จักกันในชื่อสั้นๆว่า โรคเกาต์ (Arthritis) นั่นเอง
แน่นอนว่า การเสื่อมของไขข้อก็ย่อมทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งย่อมทำให้เกิดความเจ็บปวดตามมา แต่ในบางกรณีการอักเสบก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสื่อมของไขข้อได้เช่นกัน แต่ทว่า การอักเสบที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการอักเสบที่ยังไม่แสดงอาการให้เห็น ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่พบได้ว่า อาการอักเสบนี้ถูกละเลย จนเกิดกลายเป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมของไขข้อขึ้น
ปัจจุบันนี้ มีผลงานวิจัยทั่วโลกมากมายที่ทำการค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับน้ำมันงาดำ ซึ่งได้มีการกล่าวถึง และยกย่องน้ำมันงาดำว่า เป็นหนึ่งในสารอาหารเสริมที่มีสรรพคุณดีในด้านเกี่ยวกับโรคกระดูก ซึ่งก็คือมีสารต้านโรคกระดูกอักเสบ (Anti-osteoarthritis) และสารต้านโรคกระดูกเสื่อม (Anti-osteoporosis)
แพทย์แผนจีนและนักธรรมชาติบำบัดนิยมใช้งาดำในการช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้น เพราะงาดำนั้น มีสรรพคุณในการช่วยเข้าไปเพิ่มมวลกระดูกอ่อนและน้ำหล่อเลี้ยงระหว่างข้อต่อในร่างกาย นอกจากนี้ น้ำมันงาดำซึ่งทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นไขมันชนิดดี ที่ร่างกายสามารถนำไปสร้างคอเลสตอรอลแบบดีได้ ซึ่งคอเลสตอรอลแบบดีนี้ ก็จะถูกปรับแปลงสภาพไป เพื่อใช้สำหรับการสร้างกระดูกอ่อน และสร้างน้ำหล่อเลี้ยงให้เกิดขึ้นใหม่ต่อร่างกายเรา
การบริโภคน้ำมันงาดำและสารที่จำเป็นอื่นๆนั้นดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายเรา สิ่งดีๆ เหล่านี้ ที่ได้เรา
ปัจจุบันนี้มีการศึกษาวิจัยในเรื่องของงาดำที่เป็นกระแสที่มาแรงก็คือ ผลการวิจัยเกี่ยวกับการป้องกันมะเร็ง และประสิทธิภาพในการชะลอและหยุดการแพร่ของเชื้อมะเร็ง ซึ่งก็เป็นความหวังอีกอย่างหนึ่งให้แก่ผู้ป่วยเหล่านี้ หากเราต้องการที่จะรับประทานงาดำเป็นอาหารเสริมนั้น หลักง่ายๆที่ควรทราบและจำให้ดีคือ ควรจะรับประทานน้ำมันงาดำที่อยู่รูปของน้ำมันเย็นสกัดด้วยความดันสูง และถ้าให้ดี ก็ควรบรรจุในแคปซูลซึ่งสามารถป้องกันแสงและอากาศไม่ให้ทำปฏิกิริยากับน้ำมัน เพราะสารที่มีในงาดำเหล่านี้มีสภาพคงตัวและละลายได้ดีในรูปของน้ำมัน การสกัดน้ำมันงาดำเพื่อนำไปใช้เป็นอาหารเสริมในรูปแบบที่ไม่เป็นธรรมชาตินั้นขัดกับหลักชีวะโมเลกุล อาจทำให้ได้สารที่ต้องทำงานด้วยกันไม่ครบถ้วน ดังนั้น การรับประทานงาดำให้ได้ประโยชน์นั้นจึงควรเป็นแบบน้ำมันงาดำสกัดเย็น หรือว่าในรูปเมล็ดงาบดละเอียดเท่านั้น ที่จะทำให้เราได้รับประโยชน์ทางด้านสุขภาพสูงสุดจากการบริโภคงาดำ
เซซาแม็กซ์ น้ำมันงาดำ
อย.19-1-26946-1-0004
ขนาดบรรจุ 60 แคปซูล
ราคา 1,500 บาท
สั่งซื้อโทร. 084-4696869
หรือ 089-0606908
E-mail: Bug_na@yahoo.co.th
LINE : mana_bannok
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น