มาดูกันว่า 5 เรื่องที่คนรวยคิดไม่เหมือนกับคนทั่วไป นั้นมีอะไรกันบ้าง
1. คนทั่วไปเน้นการออม คนรวยเน้นสร้างรายได้ -ในปี 2012 คนอเมริกันโดยเฉลี่ยมีรายได้ปีละ $38,000 ถ้าออมได้ 10% สิ้นปีเราก็จะมีเงินเหลือ $3,800 แต่เราจะไม่รวยขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมาจากการทำแบบนั้น (เราต้องหารายได้ให้มากขึ้น) ... ความจริงแล้วคนรวยก็ออม แต่เขาเน้นที่การสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นก่อน ซึ่งสัดส่วนของเงินออมจะสูงขึ้นมาก (โดยเฉพาะถ้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนที่น้อยลง)
2. คนทั่วไปมองการเริ่มธุรกิจส่วนตัวว่าเป็นความเสี่ยง แต่คนรวย (และคนที่มีโอกาสรวย) จะมองเป็นเส้นทางสู่ฐานะที่มั่งคั่ง - คนทั่วไปมองเงินมองด้วยสมการเส้นตรง เช่น สมมติทำงานได้ชั่วโมงละ $X ถ้ายอมทำงานเยอะขึ้น ก็จะได้เงินมากขึ้น แม้แต่ผู้ที่มีการศึกษาดี ก็คิดว่าการเรียน MBA จะช่วยให้ได้เงินมากขึ้น (ก็จริง แต่ก็เป็นการมองแบบเส้นตรงเช่นกัน คือให้เวลากับการเรียน เพื่อสุดท้ายจะเอาวุฒิไปต่อรองรายได้ให้มากขึ้น) ... ส่วนคนรวยจะมองที่ไอเดีย โดยเฉพาะไอเดียที่จะช่วยแก้ปัญหา (และตอบโจทย์ความต้องการ) ของผู้คนได้ และทำเงินจากเรื่องเหล่านี้ ... แต่ถึงกระนั้น คนรวยก็ไม่ได้กระโดดเข้าใส่ไอเดียอย่างไม่ลืมหูลืมหา เขาจะศึกษาความเสี่ยงอย่างดีก่อนที่จะลงมือทำ
3. คนทั่วไปมองเงินทองด้วยอารมณ์ แต่คนรวยจะมองด้วยเหตุผล - คนทั่วไปมักจะกลัวที่จะขาดทุน/เสียเงิน เมื่อจะทำอะไรใหม่ ๆ แต่คนรวย (และที่มีโอกาสรวย) จะมองเงินว่าเป็นเครื่องมือที่นำมาซึ่งทางเลือกและโอกาส
4. คนทั่วไปตั้งเป้าหมายอย่างเลื่อนลอย แถมยังผัดวันประกันพรุ่ง ส่วนคนรวยจะตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและยืดมั่นจริงจังกับเส้นตาย - คนทั่วไปอาจลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างแบบสะเปะสะปะ แต่คนรวยจะจดจ่อจริงจังอยู่กับธุรกิจเพียงอย่างเดียวที่กำลังปลุกปั้นอยู่ในตอนนั้น และทำทุก ๆ ทาง (ขอให้เป็นทางที่ชอบธรรม) เพื่อให้สำเร็จตามเวลาที่ตั้งใจไว้ (ถ้าทำงานแรกไม่สำเร็จซะที ยอมผัดไปเรื่อย ๆ ก็จะปิดโอกาสในการเริ่มทำงานต่อ ๆ)
5. คนทั่วไปใช้ชีวิตเกินฐานะที่แท้จริง แต่คนรวยใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะ - ถึงจะมีคนรวยมาก ๆ บางราย ที่แสดงการใช้ชีวิตอย่างสุดหรู (To be fair, อาจจะต่ำกว่าฐานะจริง ๆ ของเขาก็ได้ เช่น มีเงินพันล้านเหรียญ แต่ยังนั่งเฟิร์สคลาส ซึ่งก็หรูแล้วสำหรับคนทั่วไป ส่วนอีกคนมีร้อยล้านเหรียญ ก็มี private แล้ว) ... แต่คนรวยโดยทั่วไป ใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะที่แท้จริง ... คนรวยส่วนใหญ่ (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด - เพราะเราจะเห็นแต่ชีวิตของคนรวยบางส่วนที่เขาแสดงให้เห็นต่อสาธารณะ ส่วนคนรวยที่รวยเงียบ ๆ เราก็จะไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ไม่ใช่ไม่มีอยู่) จะไม่ไหลไปตามกระแสวูบวาบ พวกเขาต้องการอิสระทางการเงิน และจะไม่เป็นทาสของสิ่งต่าง ๆ
เนื้อหานี้แปลมาจากบทความ "5 Ways Rich People Think Differently From the Rest of Us" ของ Michele Lerner ซึ่งเป็นการสรุปจากหนังสือ "How Rich People Think" ของ Steve Siebold
Credit : Thailand investment forum
5 วิธีทำให้รวยเร็ว
ความฝันหนึ่งของคนที่ทำงานประจำคืออยากมีเงินเก็บเยอะๆ อย่างน้อยควรจะมีเงินเก็บสัก 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อจะได้อยู่อย่างสบายๆหลังเกษียณอายุ แล้วจะมีวิธีอะไรที่ทำให้หาเงินได้ 10 ล้านบาทโดยไม่ได้ทำผิดกฎหมาย วันนี้เราจึงมี 5 วิธีทำให้รวยเร็วมาฝาก
1. เป็นเจ้าของกิจการ ใครๆก็รู้ว่าการเป็นเจ้าของกิจการ ย่อมต้องมีรายได้ดีกว่าทำงานประจำอยู่แล้ว แต่ความยากมันอยู่ตรงที่จะทำธุรกิจอะไร และทำอย่างไรให้ธุรกิจนั้นอยู่รอดและมีกำไรนี่สิเรื่องใหญ่ ซึ่งเรามีคำแนะนำคือ
- สำรวจดูว่ามีงานอดิเรกหรือความชำนาญอะไรเป็นพิเศษ เช่น ทำขนม ทำอาหาร ความเก่งในสิ่งพวกนี้อาจนำมาสู่การดำเนินธุรกิจขนาดย่อมๆก็ได้
- มองดูรอบๆ ตัว เช่นในชุมชน มีบริการอะไรบ้างที่คนในชุมชนต้องการ เช่น มีเด็กเล็กๆ ที่พ่อแม่อยากจะได้พี่เลี้ยงมาดูแล เรื่องเหล่านี้สามารถนำมาทำเป็นธุรกิจได้
- คำนวณดูว่าถ้าต้องเริ่มทำธุรกิจต้องใช้เงินสักเท่าไหร่
- ทำธุรกิจต้องคิดด้วยว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้คนอื่นทราบ อาจจะเป็นการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
- มองดูรอบๆ ตัว เช่นในชุมชน มีบริการอะไรบ้างที่คนในชุมชนต้องการ เช่น มีเด็กเล็กๆ ที่พ่อแม่อยากจะได้พี่เลี้ยงมาดูแล เรื่องเหล่านี้สามารถนำมาทำเป็นธุรกิจได้
- คำนวณดูว่าถ้าต้องเริ่มทำธุรกิจต้องใช้เงินสักเท่าไหร่
- ทำธุรกิจต้องคิดด้วยว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้คนอื่นทราบ อาจจะเป็นการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
2. เป็นผู้บริหารระดับสูง วิธีนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะประสบการณ์ และต้องพบกับการแข่งขันที่สูงมาก เพราะคนทำงานประจำก็เหมือนกับพีระมิด ที่ตรงยอดจะเล็กแต่ฐานใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คุณสามารถทำได้ถ้ามีความพยายามในการพัฒนาตัวเอง ทั้งเรื่องความรู้ บุคลิกภาพ ความเป็นผู้นำ หาความถนัดของตัวเองให้เจอ คุณก็มีโอกาสที่จะได้รับเงินเดือนสูงๆ ซึ่งผู้บริหารที่มีฝีมือจริง สามารถสร้างผลงานจนได้รับความไว้ใจจากผู้ถือหุ้น จนขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่ง เบอร์สองของบริษัทสามารถทำรายได้ปีละ 5-10 ล้านบาทได้อย่างสบาย
3. เป็นนักขายตรง เมื่อเอ่ยถึงขายตรง หลายคนอาจเบือนหน้าหนี แต่ความจริงแล้วการขายตรง เช่นประกันชีวิต สามารถสร้างคนที่ไม่มีอะไร ให้ขึ้นมามีทุกอย่างได้จริง และเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถสูงมาก งานขายตรงอย่างประกันชีวิต เครื่องสำอางหรือยาชูกำลังสารพัด มักได้ค่านายหน้าประมาณ 30% ส่วนผู้บริหารทีมงานจะได้ค่าบริหารประมาณ 30% ของค่านายหน้าของลูกทีมอีกที ซึ่งจะตกประมาณ 10%ของยอดขายสินค้ารวม ถ้าทีมงานสร้างยอดขายต่อปีได้ถึง 100 ล้านบาท ผู้บริหารทีมงานก็จะมีรายได้ถึง 10 ล้านบาทต่อปีทีเดียว
4. เป็นนักวิชาชีพผู้ประสบความสำเร็จ วิชาชีพเฉพาะทางก็สามารถสร้างความร่ำรวยได้เช่นกัน เช่นแพทย์เฉพาะทาง ,ทนายความ ,สถาปนิก, ศิลปิน อาชีพเหล่านี้ถ้ามีผลงานโดดเด่นและมีฝีมือจริง รายได้จะสูงมาก
5. เป็นนักลงทุน ข้อนี้สามารถทำได้แม้จะเป็นพนักงานประจำ แต่ต้องฉลาดในการเลือกลงทุน ตอนนี้มีหลายคนที่ทำงานประจำไปด้วย แต่ลงทุนในหุ้นไปด้วย ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมที่ดี แต่การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงหมด ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนประเภทใดต้องศึกษาให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นจากที่จะได้เงินงอกเงยขึ้นมา เงินนั้นอาจจะหายวับไปกับตาก็ได้
ทั้งหมดเป็นไอเดียที่จะทำให้คนทั่วไปขึ้นมาเป็นเศรษฐีได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ และความมุ่งมั่น ซึ่งจะเป็นหลักสำคัญผลักดันให้เราไปถึงจุดหมายที่เราต้องการได้
3) ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการวางแผนสร้างตัว
"เจ้าของเงินล้าน" มักใช้เวลาเฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมงต่อเดือนกับการวางแผนชีวิต
ขณะที่คนทั่วไปใช้เวลาคิดแต่เรื่องหา..........ความสุข
4) ให้ความสำคัญกับอิสรภาพทางการเงินมากกว่าสถานะทางสังคม
"เจ้าของเงินล้าน" ตัวจริงชอบใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลาง อยู่ในบ้านขนาดพอสบาย ขับรถยี่ห้อ
ทั่วๆไปที่ใช้งานได้ดี พวกเขาไม่ชอบแข่งขันเอาหน้ากับใคร จึงไม่ต้องมีหนี้ก้อนใหญ่ไว้
คอยฉุดดึงชีวิต
จากงานวิจัยบันลือโลกที่จัดทำโดย โธมัส สแตนลีย์ ผู้สัมภาษณ์ "เศรษฐีข้างบ้าน" มาแล้ว 1,100 คน พบว่า "คนที่รวยจริงๆ"อาจมีวิธีสร้างตัวต่างกัน แต่กลับมีคุณลักษณะเหมือนกัน
7 ประการต่อไปนี้
1) เลือกอาชีพที่ "ใช่"
"เจ้าของเงินล้าน" อาจมีอาชีพหลากหลาย แต่สำคัญมันต้องเป็นอาชพีที่ "ใช่" สำหรับเขาเท่านั้น
จริงอยู่ที่ผู้ประกอบการมีโอกาสเป็น "เจ้าของเงินล้าน" เร็วกว่าคนทั่วไป 4 เท่า แต่กระนั้นก็ไม่พบว่า
มีธุรกิจประเภทหนึ่งประเภทใดที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าประเภทอื่นๆ สรุปว่าความร่ำรวยมา
จากลักษณะนิสัยของพวกเขา มากกว่าประเภทธุรกิจที่เลือกทำ
7 ประการต่อไปนี้
1) เลือกอาชีพที่ "ใช่"
"เจ้าของเงินล้าน" อาจมีอาชีพหลากหลาย แต่สำคัญมันต้องเป็นอาชพีที่ "ใช่" สำหรับเขาเท่านั้น
จริงอยู่ที่ผู้ประกอบการมีโอกาสเป็น "เจ้าของเงินล้าน" เร็วกว่าคนทั่วไป 4 เท่า แต่กระนั้นก็ไม่พบว่า
มีธุรกิจประเภทหนึ่งประเภทใดที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าประเภทอื่นๆ สรุปว่าความร่ำรวยมา
จากลักษณะนิสัยของพวกเขา มากกว่าประเภทธุรกิจที่เลือกทำ
2) มุ่งสร้างตัวด้วยสองมือเปล่า ไม่สนใจมรดกหรือการสนับสนุนจากพ่อแม่
80% ของ "เจ้าของเงินล้าน" สร้างเงินล้านด้วยมือเขาเองล้วนๆน้อยคนที่จะพี่งพาพ่อแม่หรือ
เฝ้ารอมรดกยิ่งเริ่มต้นจากมือเปล่า พวกเขาก็ยิ่งแกร่ง ส่วนใหญ่สามารถยืนได้บนลำแข้ง
ของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย
80% ของ "เจ้าของเงินล้าน" สร้างเงินล้านด้วยมือเขาเองล้วนๆน้อยคนที่จะพี่งพาพ่อแม่หรือ
เฝ้ารอมรดกยิ่งเริ่มต้นจากมือเปล่า พวกเขาก็ยิ่งแกร่ง ส่วนใหญ่สามารถยืนได้บนลำแข้ง
ของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย
3) ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการวางแผนสร้างตัว
"เจ้าของเงินล้าน" มักใช้เวลาเฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมงต่อเดือนกับการวางแผนชีวิต
ขณะที่คนทั่วไปใช้เวลาคิดแต่เรื่องหา..........ความสุข
4) ให้ความสำคัญกับอิสรภาพทางการเงินมากกว่าสถานะทางสังคม
"เจ้าของเงินล้าน" ตัวจริงชอบใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลาง อยู่ในบ้านขนาดพอสบาย ขับรถยี่ห้อ
ทั่วๆไปที่ใช้งานได้ดี พวกเขาไม่ชอบแข่งขันเอาหน้ากับใคร จึงไม่ต้องมีหนี้ก้อนใหญ่ไว้
คอยฉุดดึงชีวิต
5) ใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล
คนส่วนใหญ่ถึงทำงานหนัก กระเป๋าหนัก แต่มักใช้จ่ายหนักด้วย จึงรวยไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกับ
"เจ้าของเงินล้าน" ที่ทั้งทำงานหนัก กระเป๋าหนัก แต่คิดหนักด้วยเมื่อใช้จ่ายเปรียบคนทั่วไป
เป็นนักฟุตบอลกองหน้าที่มุ่งแต่จะทำเกม จนเสียประตู แต่คนรวยพวกนี้ให้ความสำคัญกับ
การรักษาประตูเท่า ๆ กับการทำเกม
6) มุ่งมองหาสิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ
"เจ้าของเงินล้าน" ไม่ชอบลงทุนกับสิ่งไร้สาระ แต่จะลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้เขา
ร่ำรวยขึ้น พวกเขาสนใจเรื่องหลากหลาย ตลาดใหม่ๆ ซอฟท์แวร์ดีๆ คำแนะนำเรื่องภาษี
กฎหมาย เทคโนโลยี ข่าวสาร การศึกษา ฯลฯ สิ่งใดที่ทำให้ชีวิตเขาพัฒนา
เขาก็พร้อมจะลงทุนกับมัน
คนส่วนใหญ่ถึงทำงานหนัก กระเป๋าหนัก แต่มักใช้จ่ายหนักด้วย จึงรวยไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกับ
"เจ้าของเงินล้าน" ที่ทั้งทำงานหนัก กระเป๋าหนัก แต่คิดหนักด้วยเมื่อใช้จ่ายเปรียบคนทั่วไป
เป็นนักฟุตบอลกองหน้าที่มุ่งแต่จะทำเกม จนเสียประตู แต่คนรวยพวกนี้ให้ความสำคัญกับ
การรักษาประตูเท่า ๆ กับการทำเกม
6) มุ่งมองหาสิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอ
"เจ้าของเงินล้าน" ไม่ชอบลงทุนกับสิ่งไร้สาระ แต่จะลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้เขา
ร่ำรวยขึ้น พวกเขาสนใจเรื่องหลากหลาย ตลาดใหม่ๆ ซอฟท์แวร์ดีๆ คำแนะนำเรื่องภาษี
กฎหมาย เทคโนโลยี ข่าวสาร การศึกษา ฯลฯ สิ่งใดที่ทำให้ชีวิตเขาพัฒนา
เขาก็พร้อมจะลงทุนกับมัน
7) สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกหลานพึ่งพาตัวเอง
อย่าให้ลูกหลานมาผลาญเงินเราได้ ต้องสอนให้ลูกหลานหัดทำมาหากินด้วยลำแข้งตัวเอง
สุดท้าย....นี้ขอให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้จนจบ รวย รวย รวยจ้า......
อย่าให้ลูกหลานมาผลาญเงินเราได้ ต้องสอนให้ลูกหลานหัดทำมาหากินด้วยลำแข้งตัวเอง
สุดท้าย....นี้ขอให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้จนจบ รวย รวย รวยจ้า......